Enter your keyword

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

“มาแจมด้วยกันมั้ยย” ชวนเพื่อนไปปาร์ตี้ ภาษาอังกฤษ

By ภาษาอังกฤษ On 00:44

มาแจมด้วยกันไหม ภาษาอังกฤษพูดว่า

กำลังอยู่ในช่วงเหงาหงอยขาดการเข้าสังคมพอดี เพื่อนที่ทำงานเก่าโทรมาชวนไปงานเลี้ยงส่งเพื่อนอีกคน นัดตอนเย็นหลังเลิกงาน วันเงินเดือนออกพอดีซะด้วย ฮ่าๆ ต้องจัดซะหน่อยแล้ว

การที่เราจะเอ่ยชวนเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าให้นึกเป็นภาษาไทยก็นึกถึงคำว่า แจม ฮ่าๆ ฟังดูแก่ๆยังไงไม่รู้เนอะ เอาเป็นว่า ถ้าเราตั้งใจจะไปทำอะไร แล้วอยากเอ่ยชวนเพื่อนอีกคน เราจะไม่ใช้คำว่า Jam แต่จะใช้คำว่า Join ตัวอย่างเช่น

We are going to eat outside. Do you want to join us? (วี อาร์ โกอิ้ง ทู อีท เอ้าท์ไซด์. ดู ยู ว้อนท์ ทู จอยน์ อั๊ส) เรากำลังจะออกไปทานข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยกันมั้ย.

นอกจากนี้ เรายังใช้วิธีถาม เป็นเชิงชวน ว่า เธอจะมามั้ย เช่น We are going to have a party next week. Do you wanna come? (วี อาร์ โกอิ้ง ทู แฮฟ อะ ปาร์ตี้ เนกซ์ วีค, ดู ยู ว้อนน่า คัม) ก็ได้จ้า

ความจริงก็มีอีกหลายรูปแบบในการชวนเพื่อนๆไปทำกิจกรรม หรือไปไหนด้วยกัน ถ้าใครอยากแนะนำอะไรก็ฝากมาได้น้า แล้วโอกาสหน้าจะได้มาแชร์กัน

มาแจมด้วยกันไหม ภาษาอังกฤษพูดว่า

 ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คุยกับลูกค้าฝรั่งทางโทรศัพท์

By ภาษาอังกฤษ On 00:49

บทสนทนาลูกค้าฝรั่งทางโทรศัพท์ ภาษาอังกฤษ

มันจะแจ๊คพอตอะไรขนาดน้านน คนรับโทรศัพท์ในที่ทำงานไม่อยู่ แล้วดันมีหนุ่มอินเดียโทรมา พี่ที่ทำงานเลยยื่นโทรศัพท์มาให้เราคุย.. โอ้วแม่เจ้า ไอเราก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แถมคุยทางโทรศัพท์ เสียงก็ฟังอู้อี้ แถมเบาอีกต่างหาก พอรับมา เค้าก็บอกว่า อยากคุยกับ Manager เราก็อยากจะคุยธุระแทนให้นะ แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆ เลยได้แต่บอกให้เค้าส่งเมล์มาแทน 

พอวางหูปุ๊บ เราก็มาหาความรู้เพิ่มทันที วันนี้เลยจะเอามาฝากกัน เป็นบทสนทนาในวันนี้ โดยใช้ประโยคที่สวยงาม ในแบบที่ควรจะเป็น


หนุ่มอินเดีย: Hello สวัสดีครับ
สาวออฟฟิต: Good afternoon, could I ask who’s calling? สวัสดีตอนบ่ายค่ะ ไม่ทราบว่าใครโทรมาคะ
หนุ่มอินเดีย: I’m <ชื่อหนุ่มอินเดีย>. I’m calling from India. May I speak to the manager? ผมชื่อ...ครับ โทรมาจากอินเดีย ขอคุยกับผู้จัดการหน่อยครับ
สาวออฟฟิต: I’m sorry. He is not in at the moment. Would you like to leave a message? ขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้ท่านไม่อยู่ ฝากข้อความไว้ได้มั้ยคะ
หนุ่มอินเดีย: Yes, ^%^!$^&$$#@$% ….. <สมมติว่าฟังไม่รู้เรื่องเพราะยาวเกิน>
สาวออฟฟิต: I’m sorry, I can’t hear you very well. Could you speak up a little, please? ขอโทษนะคะ ฉันได้ยินไม่ถนัด รบกวนพูดดังกว่านี้ได้มั้ยคะ
หนุ่มอินเดีย: Ok, we are … !@#$@^#@%&*&$#@##@&& <ยังคงไม่รู้เรื่อง>
สาวออฟฟิต: Sorry Mr.<ชื่อหนุ่มอินเดีย>. Could you please send me an email instead so I can understand you more clearly? ขอโทษนะคะคุณ รบกวนคุณส่งอีเมล์มาแทนได้ไหมคะ ฉันจะได้เข้าใจคุณได้ถูกต้องกว่านี้
หนุ่มอินเดีย: Yes, I can. So, what’s your email address? ได้สิครับ เมล์คุณคืออะไรล่ะ
สาวออฟฟิต: friendlyzz@hotmail.com (ต้องสะกดทีละตัว แล้วยกตัวอย่างคำด้วย เช่น f forgive, r Russia,I Italy เป็นต้น)
หนุ่มอินเดีย: OK, What’s your name? โอเค คุณชื่ออะไรครับ
สาวออฟฟิต: I’m Friendlyzz. (สะกดให้เค้าด้วยนะ)
หนุ่มอินเดีย: Are you married or single, Friendlyzz? คุณแต่งงานหรือยังครับ
สาวออฟฟิต: I’m Single. ฉันโสดค่ะ (อันนี้เค้าเปล่าจีบเรานะคะ เค้าแค่อยากรู้ว่าจะเรียกคำนำหน้าเราว่าอะไร)
หนุ่มอินเดีย: OK, Miss friendlyzz. I’ll send you an email in the next few hours and I’ll call you back later. โอเค คุณ เฟรนด์ลี่ ผมจะส่งเมล์ให้คุณในอีกสองสามฃั่วโมง แล้วจะโทรกลับมาใหม่นะครับ
สาวออฟฟิต: OK thank you. I’ll tell the manager that you called. ได้ค่ะ ขอบคุณ ฉันจะบอกผู้จัดการให้ว่าคุณโทรมานะคะ
หนุ่มอินเดีย: Thank you. Have a nice day. Bye. ขอบคุณครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีครับ ลาก่อนครับ
สาวออฟฟิต: Thank you, you too. Bye. ขอบคุณ เช่นกันนะคะ สวัสดีค่ะ

มาย ก้อด คุยกับฝรั่งทางโทรศัพท์ ต้องใช้พลังงานในการสะกดคำมากจริงๆ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าครั้งต่อไปเราจะไม่พลาดอีก เพราะเตรียม Dialog ไว้เรียบร้อยแล้ว ^^ เก๋ปะล่ะ   ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะค้า

บทสนทนาลูกค้าฝรั่งทางโทรศัพท์ ภาษาอังกฤษ
มึนนน เจ้าค่ะ


วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แปลเพลง We Are Never Ever Getting Back Together - Taylor

By ภาษาอังกฤษ On 03:28

แปลเพลง We Are Never Ever Getting Back Together ภาษาไทย

แปลเพลง We Are Never Ever Getting Back Together ภาษาไทย


ในบทความก่อนหน้าเราได้แปลเพลง Trouble ของสาวเทเลอร์ สวิฟท์ ไป วันนี้จะมาแปลอีกเพลงที่เราชอบเหมือนกัน แถมเป็นเพลงที่เคยติดอันดับหนึ่งของบิลบอร์ดด้วยนะ นั่นคือเพลง We Are Never Ever Getting Back Together เราสองคนไม่มีทางรีเทิร์นกันเด็ดขาด

I remember when we broke up the first time [ฉันจำได้ ครั้งแรกที่เราเลิกกัน]
Saying, "This is it, I've had enough," 'cause like [พูดว่า พอกันที ฉันพอแล้ว]
We hadn't seen each other in a month [เราไม่ได้เห็นหน้ากันเป็นเดือน]
When you said you needed space. (What?) [เธอบอกว่าเธอต้องการช่องว่าง (อะไรนะ?)]
Then you come around again and say [แล้วเธอก็กลับมาอีกครั้งและบอก]
"Baby, I miss you and I swear I'm gonna change, trust me.” [“ที่รัก ผมรักคุณ และผมสัญญาว่าจะเปลี่ยนตัวเอง เชื่อผมนะ”]
Remember how that lasted for a day? [แล้วมันก็อยู่ได้ไม่ถึงวัน จำได้มั้ย]
I say, "I hate you," we break up, you call me, "I love you." [ฉันบอกว่า ฉันเกลียดเธอ แล้วเราก็เลิกกัน แล้วเธอก็โทรมาบอกว่า ผมรักคุณ”]

Ooh, we called it off again last night [อู้ว เราเลิกกันอีกครั้งเมื่อคืน]
But ooh, this time I'm telling you, I'm telling you [แต่ครั้งนี้ ฉันจะบอกกับเธอว่า]

* We are never ever ever getting back together, [เราไม่มีวัน ไม่มีวัน ที่จะกลับมาคบกันอีก]
We are never ever ever getting back together, [เราไม่มีทาง (ไม่มีวัน) ที่จะกลับมาคบกันอีก]
You go talk to your friends, talk to my friends, talk to me [เธอไปพูดกับเพื่อนเธอ พูดกับเพื่อนฉัน พูดกับฉัน]
But we are never ever ever ever getting back together [แต่ยังไงเราก็จะไม่มีวันรีเทิร์นเด็ดขาด]

Like, ever... [เหมือนที่ผ่านมา]

I'm really gonna miss you picking fights [ฉันจะต้องคิดถึงตอนที่เธอชวนทะเลาะแน่ๆ]
And me falling for it screaming that I'm right [และฉันก็จะอิน แล้วก็กรีดร้องออกมาว่า ฉันเป็นฝ่ายถูก]
And you would hide away and find your peace of mind [และเธอก็จะหนีไปหลบในที่ๆเธอจะสงบจิตสงบใจ]
With some indie record that's much cooler than mine [ไปกับเพลงอินดี้ซักเพลงที่เจ๋งกว่าเพลงของฉัน]

Ooh, you called me up again tonight [อู้วว เธอโทรหาฉันอีกครั้งในคืนนี้]
But ooh, this time I'm telling you, I'm telling you [แต่ อู้วว ครั้งนี้ฉันจะบอกเธอว่า]

(*)
Ooh, yeah, ooh yeah, ooh yeah
Oh oh oh

I used to think that we were forever ever [ฉันเคยคิดนะ ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป]
And I used to say, "Never say never..." [และฉันยังเคยพูด ว่า อย่าพูดคำว่าไม่มีทาง”]
Uggg... so he calls me up and he's like, "I still love you," [แล้วเธอก็โทรมา และพูดประมาณว่า ผมยังรักคุณอยู่นะ”]
And I'm like... "I just... I mean this is exhausting, you know, like, [และฉันก็พูดประมาณว่า “ฉันแค่.. ฉันหมายความว่า นี่มันเหนื่อยมากเลยนะ รู้มั้ย แบบว่า]
We are never getting back together. Like, ever" [เราไม่มีทางกลับมาคบกันเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว”]

No! [ไม่เลย]

(*)

We, ooh, getting back together, ohhh, [เรา อู้วว กลับมาคบกันอีก]
We, ooh, getting back together [เรา อู้วว กลับมาคบกันอีก]

You go talk to your friends, talk to my friends, talk to me (talk to me) [เธอไปพูดกับเพื่อนเธอ พูดกับเพื่อนฉัน พูดกับฉัน]
But we are never ever ever ever getting back together   [แต่ยังไงเราก็จะไม่มีวันรีเทิร์นเด็ดขาด]


เย่ จบแล้ว เพลงนี้ค่อนข้างแปลง่าย เพราะเป็นคำพูดในลักษณะที่เล่าเป็นเรื่องไปเรื่อยๆ ก็ฝากไว้เผื่อเพื่อนๆที่อยากเข้าใจความหมายของเพลงนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เบิกของ เบิกสินค้า ภาษาอังกฤษ

By ภาษาอังกฤษ On 01:39

เบิกของ เบิกสินค้า ภาษาอังกฤษ พูดว่า ตัวอย่าง

ที่บริษัทให้ทำเอกสารเกี่ยวกับการเบิกของเพื่อนำมาใฃ้ในการทำงาน เฃ่น เบิกกระดาษ เบิกอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ตอนแรกทำฉบับภาษาไทย ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมาทำฉบับภาษาอังกฤษนี่สิ นึกคำไม่ออกตั้งแต่หัวข้อเลยทีเดียว ก็เลยลอง Search Google ดู ได้ตัวอย่างมาสองสามแบบ เลยเอามาแชร์กันจ้า

การเบิกของในบริษัท เพื่อเอามาใช้ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Requisition (เรคควิซิชั่น)โดยจะใช้เป็นคำนาม หรือ คำกริยาก็ได้  ถ้าเป็นคำนามก็เช่น I shall make a requisition for new laptop tomorrow. (ไอ แชล เมค อะ เรคควิซิชั่น ฟอร์ นิว แล็ปท๊อป ทูมอร์โรว์)  ฉันจะทำเรื่องเบิกคอม(โน๊ตบุ๊ก)เครื่องใหม่พรุ่งนี้

ถ้าใช้ในรูปของคำกริยา ก็เช่น I shall requisition new chairs next Friday. (ไอ แชล เรคควิซิชั่น นิว แชร์ส์ เนกซ์ ฟรายเดย์) ฉันจะเบิกเก้าอี้ใหม่วันศุกร์หน้า


คำว่า Requisition โดยปกติมันจะมีความหมายว่า ความต้องการ หรือ คำร้อง แต่เราสามารถนำมาใช้ในเรื่องของการ เบิกของ แบบในตัวอย่างข้างต้น ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า


เบิกของ เบิกสินค้า ภาษาอังกฤษ พูดว่า ตัวอย่าง

ขอบคุณรูปจากเว็บ www.prosoftmyaccount.com/ ค่ะ

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

I knew you were trouble - Taylor Swift แปลไทย

By ภาษาอังกฤษ On 02:01

แปลงเพลง I knew you were trouble ภาษาไทย

แปลงเพลง I knew you were trouble ภาษาไทย

ผลกระทบอย่างหนึ่งของรัฐประหาร ที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มวัยรุ่นผุ้รักเสียงเพลงอย่างมาก คือการยกเลืกคอนเสิร์ตของนักร้องสาวสวยเก่งอย่าง Taylor Swift เพื่อนชั้นถึงขนาดกรีดร้อง พยายามซื้อตั๋วเครื่องบินตามไปดูที่สิงคโปรให้ได้ เพราะตัวเองเตรียมชุด เตรียมพร๊อบมาดูคอนเสิร์ตเอาไว้เต็มที่เรียบร้อยแล้ว  โถ สงสารจริงๆ
พูดถึง Taylor Swift มีเพลงๆนึงที่เราขอบมาก เป็นเพลงที่ออกมาในช่วงปลายปีที่แล้ว และเป็นเพลงที่สาวเทเลอร์เอามาร้องในเวทีเดินแฟชั่นโชว์สุดอลังของ  Victoria's Secret ด้วย เพลงนี้ชื่อว่า I knew you were trouble (ไอ นูว์ ยู เวอร์ ทรับเบิ้ล) ชั้นรู้ว่าเธอคือตัวปัญหา นั่นเอง วันนี้เราจะมาแปลเพลงนี้เป็นภาษาไทยกัน จะได้รู้ว่าเพลงเพราะๆเนี่ย มันหมายความว่าอะไร

Once upon a time a few mistakes ago [กาลครั้งหนึ่ง เมื่อความผิดพลาดสองสามครั้งผ่านไป]
I was in your sights, you got me alone [ฉันอยู่ใกล้ๆเธอ เราอยู่กันตามลำพัง]
You found me, you found me, you found me [เธอค้นพบฉัน]
I guess you didn't care, and I guess I liked that [ฉันว่าเธอคงไม่ได้แคร์ และฉันคิดว่าฉันก็ชอบมัน]
And when I fell hard you took a step back [และเวลาฉันตกหลุมรักเธออย่างจัง เธอกลับถอยหลังกลับไป]
Without me, without me, without me [โดยปราศจากฉัน]

And he's long gone when he's next to me [และเขาก็จากไปนานแสนนาน ตั้งแต่มาอยู่ข้างๆฉัน]
And I realize the blame is on me [และฉันก็ตระหนักว่า มันผิดที่ฉันเอง]
'Cause I knew you were trouble when you walked in [เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอคือตัวปัญหาตั้งแต่เธอเดินเข้ามา]
* So shame on me now [มันช่างน่าอัปยศอดสูจริงๆเลยฉัน]
Flew me to places I'd never been [เธอพาฉันบินไปยังที่ๆฉันไม่เคยไปมาก่อน]
'Til you put me down, oh [จนกระทั่งเธอปล่อยฉันลงมา]
I knew you were trouble when you walked in [ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอคือตัวปัญหาตั้งแต่เธอเดินเข้ามา]
So shame on me now [มันช่างน่าอัปยศอดสูจริงๆเลยฉัน]
Flew me to places I'd never been [เธอพาฉันบินไปยังที่ๆฉันไม่เคยไปมาก่อน]
Now I'm lying on the cold hard ground [ตอนนี้ฉันก็นอนอยู่บนพื้นที่เยือกเย็นและแข็งกระด้าง]
Oh, oh, trouble, trouble, trouble [โอ้ ตัวปัญหา]
Oh, oh, trouble, trouble, trouble [ตัวปัญหา]

No apologies. He'll never see you cry, [ไม่ต้องมีคำขอโทษใดๆ เขาจะไม่มีวันเห็นเธอร้องไห้]
Pretends he doesn't know that he's the reason why.[เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ ว่าตัวเองคือตัวการ]
You're drowning, you're drowning, you're drowning.[เธอกำลังจมดิ่งลงไป]
Now I heard you moved on from whispers on the street [ตอนนี้ฉันได้ยินคนตามท้องถนนพูดกันว่าเธอกำลังตำเนินชีวิตต่อไป]
A new notch in your belt is all I'll ever be [ฉันก็เป็นได้แค่อีกหนึ่งรอยบากบนเข็มขัดของเธอ]
And now I see, now I see, now I see [และตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว]

He was long gone when he met me [เขาจากไปนานแสนนาน ตั้งแต่เขาพบฉัน]
And I realize the joke is on me, yeah! [และฉันก็ตระหนักว่า เรื่องตลกขบขันมันอยู่ที่ตัวฉันเอง]

** I knew you were trouble when you walked in  [ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอคือตัวปัญหา ตั้งแต่เธอเดินเข้ามา]
(*)

And the saddest fear comes creeping in [และความกลัวที่เศร้าที่สุดก็คืบคลานเข้ามา]
That you never loved me or her, or anyone, or anything, yeah [คือเธอไม่เคยรักฉัน ไม่เคยรักเขา ไม่เคยรักใคร หรืออะไรก็ตาม]

(**) , (*)

(**)
Trouble, trouble, trouble [ตัวปัญหาๆๆ]
(**)
Trouble, trouble, trouble [ตัวปัญหาๆๆ]

จบแล้วจ้า เนื้อเพลงฝรั่งนี่แปลค่อนข้างยากนะ เพราะมันเป็นคำที่เค้าแต่งมาให้สละสลวย และบางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจด้วยว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไร ฮ่าๆ เอาเป็นว่าได้เท่านี้ละกัน ผิดถูกยังไงก็ติชมกันได้นะจ๊า ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ